บริษัทตกลงให้ผู้เช่าเช่ายานยนต์ (ต่อจากนี้จะเรียกว่า "รถเช่า") ตามข้อตกลงและเงื่อนไขฉบับนี้ รวมถึงตามข้อบังคับปลีกย่อยของข้อตกลงและเงื่อนไขฉบับนี้ตามข้อ 40 (ต่อจากนี้จะเรียกว่า "ข้อตกลงและเงื่อนไข") ซึ่งผู้เช่าตกลงเช่าหลังจากรับทราบและยินยอมตามข้อตกลงและเงื่อนไขแล้ว
ผู้ขับขี่จะได้รับแจ้งข้อตกลงและเงื่อนไขในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่และจะต้องปฏิบัติตาม อนึ่ง เรื่องที่ไม่ได้ระบุไว้ในข้อตกลงและเงื่อนไขให้อยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับหรือจารีตประเพณีทั่วไป
2. บริษัทอาจตกลงทำสัญญาพิเศษใดๆ โดยมีเงื่อนไขว่าสัญญาพิเศษนั้นจะต้องไม่ขัดกับวัตถุประสงค์ของข้อตกลงและเงื่อนไข, กฎหมาย, ประกาศหน่วยงานของรัฐ และจารีตประเพณีทั่วไป ในกรณีที่มีการทำสัญญาพิเศษ ให้ใช้ข้อความในสัญญาพิเศษบังคับแทนข้อตกลงและเงื่อนไข
หากผู้เช่ายอมรับข้อตกลงและเงื่อนไข และรายการราคา ฯลฯ ที่ได้มีการระบุไว้ต่างหากแล้ว ในการเช่ารถเช่า ผู้เช่าสามารถทำการจองรถเช่าได้ตามวิธีการที่ได้ระบุไว้ต่างหาก ในขณะที่ทำการจองผู้เช่าจะต้องระบุประเภทของรถเช่า วันและเวลาที่เริ่มเช่า สถานที่รับรถเช่า ระยะเวลาการเช่า สถานที่คืนรถเช่า ชื่อผู้ขับขี่ ระบุว่าจะใช้เบาะนั่งสำหรับเด็กในรถยนต์หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ หรือไม่ และเงื่อนไขในการเช่าอื่นๆ (ต่อจากนี้จะเรียกว่า "เงื่อนไขการเช่า") หากเป็นการเช่ารถไมโครบัส ขณะที่ทำการจองผู้เช่าจะต้องระบุพื้นที่ในการขับขี่หรือจุดหมายปลายทาง รวมถึงจำนวนผู้โดยสารและจุดประสงค์ในการเช่าเพิ่มเติม โดยให้เป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไขการเช่า
2. เมื่อบริษัทได้รับการจองจากผู้เช่า ตามหลักแล้วบริษัทจะยึดตามการจองนั้นตราบที่บริษัทมีรถเช่าดังกล่าวพร้อมให้เช่า ในกรณีนี้ ผู้เช่าจะต้องชำระเงินมัดจำค่าเช่าตามที่ได้ระบุไว้ต่างหาก เว้นเสียแต่ว่าบริษัทจะตกลงเป็นอย่างอื่น
ในกรณีที่ผู้เช่าประสงค์จะเปลี่ยนเงื่อนไขการเช่าตามที่ระบุไว้ในข้อ 2.1 ผู้เช่าจะต้องได้รับการยินยอมจากบริษัทก่อน
ผู้เช่าสามารถยกเลิกการจองได้ด้วยวิธีการที่ได้ระบุไว้ต่างหาก
2. การจองจะถือว่าถูกยกเลิกหากผู้เช่าไม่เริ่มกระบวนการทำสัญญาเช่าสำหรับการเช่ารถเช่า (ต่อจากนี้จะเรียกว่า "สัญญาเช่า") ภายในหนึ่งชั่วโมงนับจากวันเวลาเริ่มการเช่าที่ได้ทำการจองไว้ โดยมีสาเหตุมาจากผู้เช่าเอง
3. ในกรณีตามข้อ 4.1 และ 4.2 ผู้เช่าจะต้องชำระค่ายกเลิกให้กับบริษัทตามที่ได้กำหนดไว้ต่างหาก เมื่อบริษัทได้รับชำระค่ายกเลิกแล้ว บริษัทจะคืนมัดจำค่าเช่าที่บริษัทได้รับมาก่อนหน้านี้ให้กับผู้เช่า
4. หากบริษัทยกเลิกการจอง หรือไม่ทำสัญญาเช่าโดยมีสาเหตุมาจากบริษัทเอง บริษัทจะคืนมัดจำค่าเช่าที่บริษัทได้รับมาก่อนหน้านี้ให้กับผู้เช่า และชำระค่าปรับให้กับผู้เช่าตามที่ได้ระบุไว้ต่างหาก
5. หากสัญญาเช่ารถเช่าไม่ได้ถูกทำขึ้นโดยมีสาเหตุอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ การโจรกรรม การไม่คืนรถ การถูกเรียกรถคืน หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือเหตุการณ์อื่นใดซึ่งไม่ได้เป็นความผิดของทั้งผู้เช่าและบริษัท การจองจะถือว่าถูกยกเลิก ในกรณีดังกล่าว บริษัทจะคืนมัดจำค่าเช่าที่บริษัทได้รับมาก่อนหน้านี้ให้แก่ผู้เช่า
หากบริษัทไม่สามารถให้เช่ารถเช่าประเภทเดียวกับที่ผู้เช่าได้จองไว้ได้ บริษัทอาจเสนอรถประเภทอื่นแทนให้ (ต่อจากนี้จะเรียกว่า "รถทดแทน")
2. หากผู้เช่าตกลงตามข้อเสนอของบริษัทในข้อ 5.1 บริษัทจะให้ผู้เช่าเช่ารถทดแทนโดยใช้เงื่อนไขการเช่าเดิมที่เสนอไว้ตอนจองทั้งหมดยกเว้นเงื่อนไขที่เกี่ยวกับประเภทของรถเช่า หากค่าเช่าของประเภทรถทดแทนแพงกว่าค่าเช่าของรถประเภทที่จองไว้ จะคิดค่าเช่าตามประเภทรถที่จองไว้ หากค่าเช่าของประเภทรถทดแทนถูกกว่าค่าเช่าของรถประเภทที่จองไว้ จะคิดค่าเช่าตามประเภทรถทดแทน
3. ผู้เช่าสามารถปฏิเสธที่จะยอมรับข้อเสนอที่จะให้เช่ารถทดแทนตามข้อ 5.1 และยกเลิกการจองได้
4. ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ตามข้อ 5.3 หากสาเหตุที่บริษัทไม่สามารถให้เช่ารถได้เป็นสาเหตุที่เกิดจากบริษัทเอง การยกเลิกการจองในครั้งนี้จะถือว่าเป็นการยกเลิกตามข้อ 4.4 และบริษัทจะคืนเงินมัดจำให้แก่ผู้เช่า รวมถึงชำระค่าปรับให้แก่ผู้เช่าตามที่ได้ระบุไว้ต่างหากด้วย
5. ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ตามข้อ 5.3 หากสาเหตุที่บริษัทไม่สามารถให้เช่ารถได้เป็นสาเหตุที่ไม่ได้เกิดจากบริษัท การยกเลิกการจองในครั้งนี้จะถือว่าเป็นการยกเลิกตามข้อ 4.5 และบริษัทจะคืนเงินมัดจำที่ได้รับมาแล้วให้แก่ผู้เช่า
นอกเหนือจากที่ได้ระบุไว้ในข้อ 4 และ 5 แล้ว บริษัทและผู้เช่าจะต้องไม่กล่าวโทษอีกฝ่ายในเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกการจองหรือการไม่ดำเนินการตามสัญญาเช่า
ผู้เช่าสามารถจองผ่านตัวแทนนำเที่ยว คู่ค้า ฯลฯ (ต่อจากนี้จะเรียกว่า "ตัวแทน") ซึ่งเป็นผู้จัดการเรื่องการจองแทนบริษัทได้
2. ผู้เช่าที่จองรถเช่าผ่านตัวแทนตามข้อ 7.1 สามารถแจ้งขอเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการจองได้ผ่านตัวแทนดังกล่าว
ผู้เช่าจะต้องระบุเงื่อนไขการเช่าตามที่ได้ระบุไว้ในข้อ 2.1 และบริษัทจะระบุเงื่อนไขการให้เช่ารถตามที่ได้ระบุไว้ในข้อตกลงและเงื่อนไขเหล่านี้ รายการราคา ฯลฯ ก่อนจะทำสัญญาเช่าไว้ต่อกัน ยกเว้นในกรณีที่บริษัทไม่มีรถพร้อมให้เช่า หรือในกรณีที่ผู้ขับรถเช่ามีลักษณะตามข้อใดข้อหนึ่งที่ระบุไว้ในข้อ 9.1 หรือ 9.2
2. เมื่อทำสัญญาเช่าแล้ว ผู้เช่าจะต้องชำระค่าเช่าตามที่ได้ระบุไว้ในข้อ 11.1 ให้กับบริษัท
3. ตามคำสั่งพื้นฐานที่ประกาศใช้โดยหน่วยงานที่มีอำนาจปกครอง (*1) บริษัทจำเป็นต้องให้ผู้เช่าแสดงใบอนุญาตขับขี่และสำเนาใบอนุญาตขับขี่ของผู้ขับขี่ที่ผู้เช่ากำหนด (ต่อจากนี้จะเรียกว่า "ผู้ขับขี่") ตอนทำสัญญาเช่า เพื่อที่บริษัทจะได้กรอกชื่อและที่อยู่ของผู้ขับขี่ รวมถึงประเภทและหมายเลขใบอนุญาตขับขี่ (*2) ของผู้ขับขี่ในต้นฉบับทะเบียนการเช่ารถ และในใบรับรองการเช่ารถตามข้อกำหนดในข้อ 14.1 ด้วย ในกรณีเช่นนี้ หากผู้เช่าและผู้ขับขี่เป็นคนเดียวกัน ผู้เช่าจะต้องแสดงใบอนุญาตขับขี่ของตนเองต่อบริษัท รวมถึงให้สำเนาใบอนุญาตขับขี่ด้วย และหากผู้เช่าไม่ได้เป็นผู้ขับขี่เอง ผู้ขับขี่จะต้องแสดงใบอนุญาตขับขี่ต่อบริษัทและให้สำเนาด้วย
(*1) คำสั่งพื้นฐานที่ประกาศใช้โดยหน่วยงานที่มีอำนาจปกครอง หมายถึง มาตรา 2(10) และ 2(11) ของ "คำสั่งพื้นฐานเกี่ยวกับรถเช่า" ที่ประกาศใช้โดยผู้อำนวยการสำนักงานการจราจรด้วยรถยนต์ (Automobile Traffic Bureau) กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่ง (Ministry of Land, Infrastructure and Transport) เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 1995 (Ji-Ryo No.138)
(*2) ใบอนุญาตขับขี่ หมายถึง ใบอนุญาตขับขี่ที่ระบุไว้ในแบบฟอร์ม 14 ของมาตรา 19 ของกฎการบังคับใช้กฎหมายการจราจรทางถนนเกี่ยวกับใบอนุญาตขับขี่ที่ระบุไว้ในมาตรา 92 ของกฎหมายการจราจรทางถนน นอกจากนี้ ใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศหรือใบอนุญาตขับขี่ของประเทศอื่นๆ ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 107.2 ของกฎหมายการจราจรทางถนนจะถือว่าเป็นใบอนุญาตขับขี่เสมือน
4. ในการทำสัญญาเช่า บริษัทอาจขอให้ผู้เช่าและผู้ขับขี่แสดงเอกสารยืนยันตัวตนตามที่บริษัทกำหนดต่อบริษัท นอกเหนือไปจากการแสดงใบอนุญาตขับขี่ และบริษัทสามารถทำสำเนาเอกสารเหล่านั้นไว้ได้
5. ในการทำสัญญาเช่า บริษัทจะขอให้ผู้เช่าและผู้ขับขี่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์มือถือ หรือช่องทางการติดต่ออื่นๆ เพื่อใช้ในการติดต่อผู้เช่าและผู้ขับขี่ในช่วงที่เช่ารถ
6. ในการทำสัญญาเช่า บริษัทอาจขอให้ผู้เช่าชำระเงินด้วยบัตรเครดิตหรือเงินสด หรือระบุให้ใช้วิธีการชำระเงินอื่นๆ ได้
7. ผู้เช่าไม่สามารถเพิ่มระยะเวลาการเช่าได้หลังจากทำสัญญาเช่าแล้ว
ในกรณีที่ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่มีลักษณะเป็นไปตามข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ จะไม่มีการทำสัญญาเช่า
2. ในกรณีที่ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่มีลักษณะเป็นไปตามข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการทำสัญญาเช่า
3. ในกรณีตามเหตุการณ์ข้อ 9.1 และ 9.2 หากผู้เช่าได้จองไว้แล้ว จะถือว่าการจองนั้นถูกยกเลิก และหากผู้เช่าได้ชำระค่ายกเลิกมาแล้ว บริษัทจะคืนเงินมัดจำให้แก่ผู้เช่า
สัญญาเช่าจะถูกจัดทำขึ้นเมื่อผู้เช่าชำระค่าเช่าให้บริษัท และบริษัทส่งมอบรถเช่าให้แก่ผู้เช่า ในกรณีนี้ เงินมัดจำที่ได้รับมาแล้วจะถูกหักออกจากค่าเช่าที่ต้องชำระ
2. การส่งมอบรถเช่าตามข้อ 10.1 จะเกิดขึ้นตามวันและเวลาที่เริ่มเช่าที่ระบุในข้อ 2.1 และสถานที่รับรถตามที่ระบุในข้อ 2.1
ค่าเช่า หมายถึง ยอดรวมของค่าใช้จ่ายต่างๆ ดังต่อไปนี้ บริษัทจะระบุค่าใช้จ่ายแต่ละรายการและวิธีการคำนวณในรายการราคา :
ค่าเช่าพื้นฐาน ค่าธรรมเนียมการคืนรถต่างสาขา ค่าสมัครประกันค่าเสียหายส่วนแรก ค่าธรรมเนียมบริการเสริม ค่าน้ำมัน ค่าธรรมเนียมการส่งรถ/รับรถ และค่าธรรมเนียมอื่นๆ
2. ค่าเช่าพื้นฐานจะเป็นไปตามราคาค่าเช่าที่บริษัทได้แจ้งไว้กับผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งทางบก สังกัดสำนักงานขนส่งเขต (ผู้อำนวยการของสำนักงานขนส่งทางบกจังหวัดเฮียวโงะ ฝ่ายตรวจสอบการเงินการบัญชีของสำนักงานขนส่งโกเบในจังหวัดเฮียวโงะ และผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งทางบก สังกัดสำนักงานธุรการโอกินาว่าในจังหวัดโอกินาว่า ซึ่งจะใช้กับข้อ 14.1 ด้านล่างนี้ด้วย) และจะใช้ค่าเช่าพื้นฐานนี้ในขณะเช่า
3. หากค่าเช่ามีการเปลี่ยนแปลงหลังจากการจองตามข้อ 2 บริษัทจะคิดค่าเช่าที่ถูกกว่าระหว่างค่าเช่าตอนจองและค่าเช่าตอนเช่าจริง
4. ค่าเช่าจะระบุไว้ในหลักเกณฑ์รอง
หากผู้เช่าต้องการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเช่าที่ได้ระบุไว้ตามข้อ 8.1 หลังจากทำสัญญาเช่าไปแล้ว ผู้เช่าจะต้องได้รับการยินยอมล่วงหน้าจากบริษัท
2. บริษัทอาจปฏิเสธการให้ความยินยอมในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเช่าตามที่ระบุไว้ในข้อ 12.1 ได้ หากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นการแทรกแซงการดำเนินงานของบริษัท
บริษัทจะให้เช่ารถเช่าหลังจากที่ได้ทำการตรวจสอบและบำรุงรักษารถเช่าเป็นระยะตามจำเป็น ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 48 ของกฎหมายยานพาหนะขนส่งทางถนน (Road Transport Vehicle Law) (การตรวจสอบและการบำรุงรักษาเป็นระยะ)
2. บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบและบำรุงรักษารถตามที่กำหนดในมาตรา 47.2 ของกฎหมายพาหนะขนส่งทางถนน (Road Transport Vehicle Law) (การตรวจสอบและการบำรุงรักษาประจำวัน)
3. ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องยืนยันว่ารถเช่าได้รับการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างเหมาะสมตามข้อ 13.1 และ 13.2 และรถเช่าไม่มีข้อบกพร่องใดๆ จากการตรวจสอบภายนอกและอุปกรณ์เสริมของรถเช่า รวมถึงรถเช่าดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไขการเช่า
3. ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องยืนยันว่ารถเช่าได้รับการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างเหมาะสมตามข้อ 13.1 และ 13.2 และรถเช่าไม่มีข้อบกพร่องใดๆ จากการตรวจสอบภายนอกและอุปกรณ์เสริมของรถเช่า รวมถึงรถเช่าดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไขการเช่า 4. ในกรณีที่มีการตรวจพบข้อบกพร่องใดๆ ของรถเช่าขณะที่ทำการตรวจรถตามข้อ 13.3 บริษัทจะทำการซ่อมแซม บำรุงรักษา ฯลฯ ที่จำเป็นทันที
ขณะส่งมอบรถเช่า บริษัทจะออกใบรับรองรถเช่า (รวมถึงวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น อีเมล เป็นต้น) ให้แก่ผู้เช่าเป็นลายลักษณ์อักษรโดยระบุหัวข้อตามที่อธิบดีสำนักงานขนส่งเขตกำหนด
2. ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องนำใบรับรองการเช่าที่ออกให้ตามวรรคก่อนหน้า (รวมถึงการพกพาเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์) ติดตัวตลอดเวลาที่ใช้รถเช่า
3. ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องแจ้งบริษัททันทีหากผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ทำใบรับรองรถเช่าสูญหาย
ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่มีหน้าที่ต้องเป็นผู้ดูแลรถเช่าที่ดี โดยใช้และบำรุงรักษารถเช่าในช่วงระหว่างการส่งมอบรถเช่าจนถึงการคืนรถเช่าให้กับบริษัท (ต่อจากนี้จะเรียกว่า "ช่วงที่ใช้รถเช่า")
2. เมื่อผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ใช้ถนนที่เก็บค่าผ่านทาง เช่น ทางด่วน, ที่จอดรถแบบเสียค่าบริการ, การใช้บริการแบบเสียค่าบริการอื่นๆ ขณะที่ใช้รถ ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ต้องรับผิดชอบชำระค่าธรรมเนียมการใช้งานนั้น ฯลฯ ให้กับผู้ให้บริการแบบเสียเงินนั้นด้วยตัวเอง
3. บริษัทจะระบุเลขทะเบียนรถ วันที่และเวลาของรถเช่าจากผู้ให้บริการแบบเสียเงินตามวรรคก่อนหน้า อันเนื่องมาจากการค้างชำระค่าธรรมเนียมใช้งาน ฯลฯ และหากได้รับการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เช่าในเวลานั้น ผู้เช่ายินยอมให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลของผู้เช่าแก่ผู้ที่ทำการร้องขอนั้น
ระหว่างช่วงที่ใช้รถเช่า ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องดำเนินการตรวจสอบและบำรุงรักษารถเช่าประจำวันก่อนเริ่มใช้งานรถเช่า ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 47.2 ของกฎหมายยานพาหนะขนส่งทางถนน (Road Transport Vehicle Law) (การตรวจสอบและการบำรุงรักษาประจำวัน)
ห้ามไม่ให้ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่กระทำการใดๆ ดังต่อไปนี้ในระหว่างที่ใช้รถเช่า
2. บริษัทอาจเริ่มดำเนินการทางกฎหมายในกรณีที่สามารถใช้ข้อบังคับตามที่ระบุไว้ในข้อ 17, 18 หรือ 25 และมีการทำผิดกฎหมายอาญา
ในกรณีที่ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จอดรถเช่าโดยขัดกับกฎหมายการจราจรทางถนน (Road Traffic Law) ในช่วงที่ใช้รถเช่า ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องไปแสดงตนที่สถานีตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่นั้น และชำระค่าปรับทันที รวมถึงชำระค่าลากจูงรถ ค่าเก็บรักษารถ ค่ารับรถ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจอดรถที่ผิดกฎหมายนี้
2. ในกรณีที่ตำรวจแจ้งเรื่องการจอดรถที่ผิดกฎหมายของผู้เช่าหรือผู้ขับขี่มายังบริษัท บริษัทจะติดต่อผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ และแจ้งให้ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ไปย้ายรถเช่าหรือนำรถเช่าออกทันที และให้ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ไปแสดงตัวที่สถานีตำรวจที่เกี่ยวข้องเมื่อสิ้นสุดช่วงที่ใช้รถเช่าหรือตามเวลาที่บริษัทได้แจ้งไว้ เพื่อทำตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไปซึ่งผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติตาม หากตำรวจได้ลากจูงรถเช่าไป บริษัทอาจไปรับรถเช่าคืนจากตำรวจได้หากบริษัทเห็นสมควร
3. หลังจากบริษัทได้แจ้งผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ตามข้อ 18.2 แล้ว บริษัทจะสอบถามสถานะของการดำเนินการทางกฎหมายตามที่บริษัทเห็นสมควร เช่น ตรวจสอบใบสั่ง ใบแจ้งชำระเงิน ใบเสร็จค่าปรับ ฯลฯ และหากยังดำเนินการตามขั้นตอนไม่เสร็จสมบูรณ์ บริษัทจะดำเนินการแจ้งตามข้อ 18.2 ไปยังผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ต่อไปจนกว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนเสร็จสิ้น อนึ่ง บริษัทจะขอให้ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ลงนามในหนังสือฉบับหนึ่ง (ต่อจากนี้จะเรียกว่า "หนังสือรับทราบ") มีใจความว่า ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ยอมรับผิดเรื่องการจอดรถเช่าโดยผิดกฎหมาย ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องไปรายงานตัวที่สถานีตำรวจ และผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติตนตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติตามหนังสือฉบับนี้
4. หากบริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น บริษัทอาจให้ความร่วมมือกับตำรวจในการเรียกร้องความรับผิดชอบเรื่องการจอดรถที่ผิดกฎหมายจากผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ โดยการให้เอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ระบุไว้ (ยกเว้นหมายเลขประจำตัวประชาชน) เช่น หนังสือรับทราบ หรือใบรับรองรถเช่า บริษัทอาจดำเนินการตามกฎหมายที่จำเป็น เช่น ส่งเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลให้กับคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติ โดยเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลนั้นรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงหนังสือชี้แจง หนังสือรับทราบ ใบรับรองรถเช่า และเอกสารอื่นๆ ที่ระบุในมาตรา 51.4(6) ของกฎหมายการจราจรทางถนน และรายงานข้อเท็จจริงเรื่องการจอดรถที่ผิดกฎหมาย ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องยินยอมต่อการกระทำดังกล่าวที่บริษัทอาจดำเนินการ
5. ในกรณีที่บริษัทได้รับคำสั่งให้ชำระค่าปรับการจอดรถผิดกฎหมายตามมาตรา 51.4(1) ของกฎหมายการจราจรทางถนน และได้ชำระค่าปรับการจอดรถผิดกฎหมายดังกล่าวแทนผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ไปแล้ว หรือบริษัทมีค่าใช้จ่ายใดๆ ในการตามหาผู้เช่า หรือในการเคลื่อนย้าย, เก็บรักษา หรือไปรับรถเช่า ฯลฯ บริษัทจะเรียกร้องค่าใช้จ่ายดังกล่าว (ต่อจากนี้จะเรียกว่า "ค่าใช้จ่ายเนื่องมาจากการจอดรถผิดกฎหมาย") จากผู้เช่า ในกรณีเช่นนี้ผู้เช่าจะต้องชำระค่าใช้จ่ายเนื่องมาจากการจอดรถผิดกฎหมายภายในวันที่บริษัทกำหนด
6. เมื่อบริษัทได้รับคำสั่งให้ชำระเงินค่าปรับการจอดรถผิดกฎหมายในวรรคก่อนหน้า หรือหากผู้เช่าไม่ชำระเงินเต็มจำนวนตามใบแจ้งหนี้ที่ระบุไว้ในวรรคเดียวกันภายในวันที่บริษัทกำหนด บริษัทจะดำเนินการตามมาตรการ เช่น บันทึกชื่อ วันเดือนปีเกิด เลขใบอนุญาตขับขี่ ฯลฯ ของผู้เช่าลงไปในระบบบริหารจัดการข้อมูลของ All Japan Rent-A-Car Association (ต่อจากนี้จะเรียกว่า "ระบบ All Japan Rent-A-Car") และผู้เช่าได้ยินยอมตกลงตามนี้
7. หากผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ต้องชำระค่าปรับ ฯลฯ สำหรับค่าปรับการจอดรถผิดกฎหมายตามระเบียบข้อบังคับข้อที่ 1 และหากผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ไม่ทำตามคำสั่งของบริษัทในการทำตามขั้นตอนตามข้อที่ 2 หรือคำร้องขอของบริษัทให้ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ลงนามในหนังสือรับทราบตามข้อที่ 3 บริษัทอาจกำหนดให้ผู้เช่าชำระค่าปรับการจอดรถผิดกฎหมายให้กับบริษัทตามที่บริษัทกำหนดต่างหาก (ต่อจากนี้จะเรียกว่า "ค่าปรับการจอดรถผิดกฎหมาย" ในย่อหน้าถัดไป) โดยแบ่งเป็นค่าปรับการฝ่าฝืนกฎหมายเรื่องการจอดรถที่ผิดกฎหมาย และค่าปรับการจอดรถผิดกฎหมายตามที่ได้ระบุไว้ในข้อที่ 5
8. ถึงแม้จะมีข้อความระบุไว้ในข้อตกลงข้อที่ 6 แต่หากบริษัทได้รับการชำระเงินค่าปรับการจอดรถผิดกฎหมายและค่าใช้จ่ายที่ระบุไว้ในข้อ 5 รายการ (3) จากผู้เช่า บริษัทจะไม่ดำเนินการตามมาตรการ เช่น การบันทึกประวัติในระบบ All Japan Rent-A-Car ตามที่ระบุไว้ในข้อที่ 6 และจะลบข้อมูลใดๆ ที่ได้บันทึกลงในระบบ All Japan Rent-A-Car ไปแล้ว
9. หากผู้เช่าได้ชำระเงินทั้งหมดที่บริษัทได้เรียกเก็บตามข้อ 5 และคำสั่งให้ชำระค่าปรับการจอดรถผิดกฎหมายถูกเพิกถอน และบริษัทได้รับเงินค่าปรับการจอดรถผิดกฎหมายคืนเนื่องจากผู้เช่าได้ชำระเงินค่าปรับ ดำเนินการฟ้องร้อง ฯลฯ บริษัทจะคืนเงินจำนวนเท่ากับค่าปรับการจอดรถผิดกฎหมายให้กับผู้เช่า โดยหักจากเงินค่าใช้จ่ายเนื่องมาจากการจอดรถผิดกฎหมายที่บริษัทรับมาแล้ว หากบริษัทได้รับเงินค่าปรับการจอดรถผิดกฎหมายตามข้อ 7 ก็จะดำเนินการเช่นเดียวกัน
10. หากมีการบันทึกประวัติลงในระบบ All Japan Rent-A-Car ตามข้อ 18.6 และมีการเพิกถอนคำสั่งให้ชำระเงินค่าปรับการจอดรถที่ผิดกฎหมายเนื่องจากมีการชำระเงินค่าปรับแล้ว ฯลฯ หรือเมื่อบริษัทได้รับการชำระเงินจำนวนทั้งหมดที่บริษัทเรียกให้ชำระตามข้อ 18.5 แล้ว บริษัทจะลบข้อมูลใดๆ ที่ได้บันทึกลงในระบบ All Japan Rent-A-Car ไปแล้ว
ผู้เช่าและผู้ขับขี่ยอมรับและยินยอมว่ารถเช่าอาจมีระบบระบบจีพีเอส (Global Positioning System) ติดตั้งอยู่ ดังนั้นอาจมีการบันทึกตำแหน่งปัจจุบัน, เส้นทางการจราจร ฯลฯ ของรถเช่าไว้ในระบบที่ทางบริษัทใช้งาน และทางบริษัทอาจใช้ข้อมูลที่ถูกบันทึกเหล่านั้นเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
2 ผู้เช่าและผู้ขับขี่ยอมรับและยินยอมให้ทางบริษัทเปิดเผยข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในระบบ GPS ในข้อ 19.1 ในกรณีที่บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลตามกฎหมายและข้อบังคับ หรือคำร้องขอหรือคำสั่งให้เปิดเผยข้อมูลตามคำสั่งจากศาล, องค์การบริหารจัดการ หรือหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ
ผู้เช่าและผู้ขับขี่ยอมรับและยินยอมว่าที่รถเช่าอาจมีการติดตั้งกล้องติดรถยนต์ ดังนั้นสภาพการขับขี่ของผู้เช่าและผู้ขับขี่อาจจะถูกบันทึก และทางบริษัทอาจใช้ข้อมูลที่ถูกบันทึกเหล่านั้นเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
2 ผู้เช่าและผู้ขับขี่ยอมรับและยินยอมให้ทางบริษัทเปิดเผยข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในกล้องติดรถยนต์ในข้อ 20.1 ในกรณีที่บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลตามกฎหมายและข้อบังคับ หรือคำร้องขอหรือคำสั่งให้เปิดเผยข้อมูลตามคำสั่งจากศาล, องค์การบริหารจัดการ หรือหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ
ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องนำรถเช่ามาคืนที่สถานที่คืนรถเช่าที่ระบุก่อนจะสิ้นสุดระยะเวลาการเช่ารถ
2. ในกรณีที่ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ไม่กระทำตามข้อกำหนดของข้อก่อนหน้า ผู้เช่าจะต้องชำระเงินชดเชยให้แก่บริษัทสำหรับความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากสิ่งเหล่านั้น
3. ในกรณีที่ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ไม่นำรถเช่ามาคืนภายในระยะเวลาการเช่ารถ อันเป็นผลมาจากภัยพิบัติตามธรรมชาติหรือเหตุสุดวิสัยอื่นใด ผู้เช่าและผู้ขับขี่ไม่ต้องชำระค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากสาเหตุนั้น หากเกิดกรณีเช่นนี้ ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องติดต่อบริษัททันทีและทำตามคำแนะนำของบริษัท
ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องคืนรถเช่าต่อหน้าตัวแทนของบริษัท ในกรณีนี้จะต้องนำรถเช่ามาคืนในสภาพเดียวกับตอนรับรถ ยกเว้นการสึกหรอจากการใช้งานทั่วไป ฯลฯ
2. ในตอนที่นำรถเช่ามาคืน ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องตรวจสอบเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ทิ้งสัมภาระของผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ หรือผู้โดยสารใดๆ ไว้ในรถเช่า แล้วจึงทำการคืนรถ
ในกรณีที่ผู้เช่าเปลี่ยนระยะเวลาการเช่าตามข้อ 12.1 ผู้เช่าจะต้องชำระค่าเช่าของระยะเวลาการเช่าใหม่หลังทำการเปลี่ยนแปลง
หากผู้เช่าเปลี่ยนสถานที่คืนรถที่ได้ระบุไว้ตามข้อ 12.1 ผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการส่งต่อรถเช่าอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนสถานที่คืนรถ
2. ในกรณีที่ผู้เช่านำรถเช่าไปคืนที่สถานที่อื่นใดที่ไม่ใช่สถานที่คืนรถที่ระบุไว้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัทตามข้อ 12.1 ผู้เช่าจะต้องชำระค่าปรับสำหรับการเปลี่ยนสถานที่คืนรถดังต่อไปนี้
ค่าปรับสำหรับการเปลี่ยนสถานที่คืนรถ = ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องใช้ในการส่งต่อรถเช่าอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนสถานที่คืนรถ x 200%
ในกรณีที่ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ไม่นำรถเช่ามาคืน ณ สถานที่คืนรถตามที่กำหนดหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาการเช่ารถ และหากผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของบริษัทให้คืนรถ หรือหากบริษัทเห็นว่ารถเช่าไม่สามารถถูกนำมาคืนได้เพราะไม่ทราบที่อยู่ของผู้เช่าหรือเพราะเหตุผลอื่นใด บริษัทอาจดำเนินการทางกฎหมาย เช่น แจ้งความคดีอาญา และอาจรายงานเรื่องการไม่คืนรถต่อ All Japan Rent-A-Car Association (สมาคมเช่ารถประเทศญี่ปุ่น) พร้อมทั้งมีมาตรการบันทึกลงในระบบของ All Japan Rent-A-Car Association และผู้เช่าได้ยินยอมตกลงตามนี้
2. ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่เข้าข่ายตามวรรคก่อนหน้า บริษัทจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อยืนยันตำแหน่งของรถเช่า ซึ่งรวมถึงการสอบถามเพื่อตรวจสอบกับครอบครัว, ญาติ คนในที่ทำงานของผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ หรือการใช้ ระบบ GPS ฯลฯ
3.ในกรณีที่เข้าข่ายตามข้อ 1 ผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายทั้งหมดที่เกิดกับบริษัท และนอกจากนั้นยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดกับบริษัทในการไปรับรถเช่า และในการตามหาผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ด้วย
หากผู้เช่าหรือผู้ขับขี่พบว่ามีความผิดปกติใดๆ กับรถเช่า หรือรถเช่าเสียระหว่างที่ใช้รถเช่า ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องหยุดใช้รถเช่าทันที และติดต่อบริษัท ในขณะเดียวกันก็ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของบริษัท
ในกรณีที่รถเช่าเกิดอุบัติเหตุในช่วงที่ใช้รถเช่า ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องหยุดใช้งานรถเช่าทันที และปฏิบัติตามที่กฎหมายและกฎระเบียบกำหนด ไม่ว่าอุบัติเหตุนั้นจะร้ายแรงหรือไม่ก็ตาม จากนั้นให้ปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
2. นอกจากปฏิบัติตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในข้อ 27.1 แล้ว ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องรับผิดชอบในการจัดการกับอุบัติเหตุ และแก้ไขปัญหาด้วยความรับผิดชอบของตนเอง
3. บริษัทจะให้คำแนะนำแก่ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ในการจัดการกับอุบัติเหตุ และให้ความร่วมมือกับผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับอุบัติเหตุ
4. บริษัทจะบันทึกสถานการณ์ของรถที่ติดตั้งเครื่องบันทึกการขับขี่ เช่น เมื่อเกิดการกระแทกหรือการเบรกกะทันหัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ
5. บริษัทจะดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ที่บริษัทเห็นว่าจำเป็น เช่น การพิสูจน์ว่าบันทึกที่ได้รับตามข้อ 27.4 ถูกต้อง
ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติตามมาตรการดังต่อไปนี้ในกรณีที่รถเช่าถูกโจรกรรม หรือเกิดความเสียหายอื่นใดระหว่างช่วงที่ใช้รถเช่า
ในกรณีที่ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ไม่สามารถใช้รถเช่าต่อไปได้เนื่องรถจากเช่าเสีย เกิดอุบัติเหตุ ถูกโจรกรรม หรือด้วยสาเหตุอื่นใด (ต่อจากนี้จะเรียกว่า "รถเสีย ฯลฯ") ในระหว่างช่วงที่ใช้รถเช่าสัญญาเช่าจะสิ้นสุดลง
2. ในกรณีตามข้อก่อนหน้า ผู้เช่าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรับรถ ซ่อมรถ ฯลฯ ของรถเช่า และบริษัทจะไม่คืนเงินค่าเช่าที่บริษัทได้รับมาแล้วให้กับผู้เช่า อย่างไรก็ตามข้อนี้จะไม่ถูกนำมาบังคับใช้หากรถเสีย ฯลฯ เกิดจากสาเหตุที่ระบุไว้ในข้อ 3 หรือ 5
3. ในกรณีที่เหตุรถเสีย ฯลฯ ที่เกิดจากข้อบกพร่อง, ความผิดปกติของรถเช่าที่มีอยู่เดิมตั้งแต่ก่อนที่จะส่งมอบรถให้กับผู้เช่าซึ่งไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการให้เช่า จะมีการทำสัญญาเช่าฉบับใหม่ และผู้เช่าจะได้รับรถเช่าทดแทนจากบริษัท สำหรับเงื่อนไขของรถเช่าทดแทนให้เป็นไปตามข้อ 5.2
4. ในกรณีที่ผู้เช่าไม่ได้รับการจัดหารถทดแทนให้ตามข้อ 29.3 บริษัทจะคืนค่าเช่าที่ได้รับมาแล้วให้กับผู้เช่าทั้งหมด เช่นเดียวกับในกรณีที่บริษัทไม่สามารถจัดหารถทดแทนให้ได้
5. ในกรณีที่เหตุรถเสีย ฯลฯ เกิดจากสาเหตุที่ไม่ได้มาจากผู้เช่า ผู้ขับขี่ หรือบริษัท บริษัทจะคืนเงินส่วนที่เหลือหลังจากหักค่าเช่าที่ได้รับมาแล้ว ตามความสอดคล้องของระยะเวลาที่นับจากการเริ่มเช่าจนถึงการสิ้นสุดสัญญาให้แก่ผู้เช่า
6. นอกเหนือไปจากมาตรการที่ได้ระบุไว้ในข้อนี้ ผู้เช่าจะต้องไม่กล่าวโทษบริษัทในเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับความเสียหาย หรือความสูญเสียที่เกิดจากการที่ไม่สามารถใช้รถเช่าได้ แต่จะยกเว้นในกรณีที่เกิดจากความประมาทอย่างร้ายแรง หรือเกิดขึ้นโดยเจตนาของบริษัท เช่น ความขัดข้องของเครื่องยนต์ เป็นต้น
ผู้เช่าจะต้องชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ที่มีต่อรถเช่าของบริษัท ในระหว่างที่ผู้เช่าใช้รถเช่า แต่จะยกเว้นในกรณีที่ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของผู้เช่าหรือผู้ขับขี่
2. ตามความเสียหายต่อบริษัทตามที่ระบุในข้อก่อนหน้า ผู้เช่าจะต้องชำระเงินชดเชยค่าเสียหาย และค่าชดเชยในการดำเนินธุรกิจให้แก่บริษัทเป็นจำนวนเงินตามที่กำหนดไว้ในรายการราคาหรือชดเชยค่าสินไหมทดแทนธุรกิจหยุดชะงักสำหรับความเสียหายจากการที่รถไม่สามารถใช้งานได้เพราะเกิดอุบัติเหตุ, การโจรกรรม, เครื่องยนต์ขัดข้อง, การทำลายรถเช่า หรือการทำให้รถเช่ามีกลิ่น ฯลฯ
3. ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องชำระค่าเสียหาย ที่เกิดขึ้นต่อบุคคลที่สามหรือบริษัท อันเนื่องมาจากความตั้งใจหรือความประมาทเลินเล่อของผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้งานรถเช่า
ในกรณีที่ผู้เช่าต้องรับผิดชอบค่าชดใช้ค่าเสียหายตามวรรค 1 หรือ 3 ของข้อก่อนหน้า และเมื่อผู้ขับขี่ต้องรับผิดชอบค่าชดใช้ค่าเสียหายตามวรรค 3 ของข้อก่อนหน้า จะต้องมีการชำระเงินประกันหรือค่าสินไหมทดแทนตามประกันความรับผิดต่อบุคคลภายนอกที่บริษัทได้ทำไว้ให้กับรถเช่าหรือระบบค่าสินไหมทดแทนของบริษัท แต่ไม่เกินจำนวนสูงสุดดังต่อไปนี้
2. จะไม่มีการชำระเงินประกันหรือค่าสินไหมทดแทนตามที่ระบุไว้ในข้อ 31.1 หากมีการใช้ข้อยกเว้นในนโยบายการประกันภัยรถยนต์ประเภทความรับผิดต่อบุคคลที่สาม หรือการชำระค่าสินไหมทดแทน
3. จะไม่มีการชำระเงินประกันหรือค่าสินไหมทดแทนตามที่ระบุในข้อ 31.1 หากผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ละเมิดข้อกำหนดที่ระบุไว้ในข้อตกลงและเงื่อนไขการเช่านี้
4. ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนที่ประกันหรือค่าสินไหมทดแทนไม่ครอบคลุม หรือค่าเสียหายส่วนที่เกินจากประกันหรือค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวตามที่ระบุไว้ในข้อ 1 หากจำนวนเงินสูงสุดที่กำหนดไว้ในข้อ 1 อนึ่ง หากมีการเปลี่ยนแปลงจากการทำสัญญาพิเศษ ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกินจากจำนวนสูงสุดที่ประกันครอบคลุมตามสัญญาพิเศษนั้น อย่างไรก็ตามในกรณีที่ความเสียหายนั้นเกิดจากภัยพิบัติที่ถูกระบุว่าเป็นภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุดตามมาตรา 2 ของพระราชบัญญัติเกี่ยวกับความช่วยเหลือพิเศษทางการเงิน ฯลฯ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุด (กฎหมายเลขที่ 150 ของปี 1962) (ต่อจากนี้จะเรียกว่า "ภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุด") ทำให้รถเช่าถูกทำลาย หรือเกิดความเสียหายใดๆ ในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุด ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะไม่ต้องชดเชยค่าเสียหาย เว้นแต่ความเสียหายนั้นเกิดจากการกระทำโดยเจตนาหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เช่าหรือผู้ขับขี่
5. หากบริษัทได้ชำระค่าเสียหายที่ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ต้องรับผิดชอบไปแล้ว ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องชำระเงินจำนวนนั้นคืนแก่บริษัทในทันที
6. ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่จะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายจำนวนเท่ากับค่าเสียหายส่วนแรกของประกันหรือค่าสินไหมทดแทนตามที่กำหนดไว้ในข้อ 1 (2) หรือ (3) เว้นเสียแต่ว่ามีการทำสัญญาที่ระบุไว้เป็นอื่น
หากผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ละเมิดข้อตกลงและเงื่อนไขในช่วงที่ใช้รถเช่า หรือถ้าเกิดกรณีใดๆ ตามที่ระบุไว้ในข้อ 9.1 บริษัทสามารถยกเลิกสัญญาเช่าโดยไม่ต้องบอกกล่าวหรือแจ้งเตือนใดๆ และสั่งให้ผู้เช่าหรือผู้ขับขี่คืนรถเช่าได้ทันที ในกรณีนี้บริษัทจะคืนเงินค่าเช่าที่รับมาแล้วซึ่งเป็นเงินที่เหลือหลังหักค่าเช่าจากระยะเวลาที่ให้ยืมจนถึงตอนที่ยกเลิก
2.ในกรณีที่มีการยกเลิกที่เข้าข่ายตามข้อก่อนหน้า ผู้เช่าจะต้องชำระค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่บริษัท
แม้ในช่วงที่ใช้รถเช่า ผู้เช่าสามารถยกเลิกสัญญาเช่าได้เมื่อได้รับความยินยอมจากบริษัท และชำระค่าธรรมเนียมการยกเลิกระหว่างการเช่าตามที่ระบุในข้อ 33.2 ในกรณีนี้บริษัทจะคืนเงินค่าเช่าที่เหลือหลังจากหักค่าเช่าส่วนของระยะเวลาที่นับจากการเริ่มเช่าจนถึงการคืนรถ เว้นแต่จะมีกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
2. ในกรณีที่ยกเลิกสัญญาเช่าตามข้อ 33.1 ผู้เช่าจะต้องชำระค่าธรรมเนียมการยกเลิกระหว่างการเช่า: ค่าธรรมเนียมการยกเลิกระหว่างการเช่า = [(ค่าเช่าพื้นฐานตลอดระยะเวลาเช่าทั้งหมด) ลบ (ค่าเช่าพื้นฐานของช่วงระหว่างการรับรถจนถึงการคืนรถ)] x 50%
บริษัทได้รับและจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ยกเว้นหมายเลขประจำตัวประชาชนของผู้เช่าหรือผู้ขับขี่โดยมีจุดประสงค์ดังต่อไปนี้
2. บริษัทจะระบุจุดประสงค์เฉพาะล่วงหน้า หากบริษัทประสงค์จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (ยกเว้นหมายเลขประจำตัวประชาชน) ของผู้เช่าหรือผู้ขับขี่เพื่อจุดประสงค์อื่นใดนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในข้อ 34.1
หากผู้เช่ามีลักษณะตามข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ ผู้เช่ายินยอมให้นำข้อมูลส่วนบุคคล ชื่อ, วันเดือนปีเกิด, เลขใบอนุญาตขับขี่ของผู้เช่าหรือผู้ขับขี่ ไปลงบันทึกประวัติลงในระบบ All Japan Rent-A-Car เป็นระยะเวลาไม่เกิน 7 ปี และยินยอมให้ All Japan Rent-A-Car Association หน่วยงานของ Rent-A-Car Association ในท้องถิ่น และบริษัทให้เช่ารถที่เป็นสมาชิกของ Rent-A-Car Association ใช้ข้อมูลดังกล่าวในการคัดกรองก่อนทำสัญญาเช่า
2. ในกรณีที่ผู้ขับขี่เข้าข่ายตามข้อ 3 ของวรรคก่อนหน้า ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งรวมไปถึง ชื่อและนามสกุล, วันเดือนปีเกิด, เลขใบอนุญาตขับขี่ของผู้ขับขี่ไปลงบันทึกประวัติลงในระบบ All Japan Rent-A-Car เป็นระยะเวลาไม่เกิน 7 ปี และจะถูกใช้โดยผู้ให้บริการรถเช่าในวรรคก่อนหน้าในการคัดกรองก่อนทำสัญญาเช่า
ในกรณีที่บริษัทมีข้อผูกพันต้องชำระเงินให้แก่ผู้เช่าภายใต้ข้อตกลงและเงื่อนไขนี้ บริษัทอาจหักลบกลบหนี้เงินจำนวนนั้นกับเงินที่ผู้เช่าต้องชำระให้บริษัทได้
ผู้เช่าจะต้องชำระค่าภาษีเพื่อการบริโภค (รวมถึงภาษีเพื่อการบริโภคท้องถิ่น) ที่เรียกเก็บสำหรับธุรกรรมการเช่าให้กับบริษัทภายใต้ข้อตกลงและเงื่อนไขฉบับนี้
ในกรณีที่ผู้เช่าหรือบริษัท ไม่ชำระเงินตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ในข้อตกลงและเงื่อนไขนี้ ผู้เช่าหรือหรือบริษัทจะต้องชำระค่าดอกเบี้ยผิดนัดให้กับอีกฝ่ายในอัตรา 14.6% ต่อปี
ในกรณีที่มีข้อแตกต่างระหว่างข้อตกลงและเงื่อนไขฉบับภาษาญี่ปุ่นและฉบับแปลภาษาภาษาไทย ให้ยึดตามฉบับภาษาญี่ปุ่น
บริษัทอาจกำหนดหลักเกณฑ์รองของข้อตกลงและเงื่อนไข และหลักเกณฑ์รองนี้จะมีผลบังคับใช้เช่นเดียวกับข้อตกลงและเงื่อนไข
2. บริษัทจะประกาศข้อกำหนดนี้และข้อบังคับปลีกย่อยในข้อก่อนหน้าที่ร้านสาขาของทางบริษัท พร้อมกับระบุไว้ในแผ่นพับ, รายการแสดงราคา และเว็บไซต์ ฯลฯ ที่ทางบริษัทเป็นผู้ออก
3. บริษัทสามารถเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดนี้หรือข้อบังคับปลีกย่อยในข้อ 1 ได้ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดนี้หรือข้อบังคับปลีกย่อยในข้อ 1 ทางบริษัทจะประกาศบนเว็บไซต์ของบริษัทว่าข้อกำหนดนี้หรือข้อบังคับปลีกย่อยในข้อ 1 มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงประกาศเนื้อหาและวันที่ผลบังคับใช้ของข้อกำหนดนี้หรือข้อบังคับปลีกย่อยในข้อ 1 ที่มีการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วย หลังการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดนี้หรือข้อบังคับปลีกย่อยในข้อ 1 นี้ ทางบริษัทจะมีการระบุเหมือนดังข้อก่อนหน้า
บริษัทจะพยายามให้ข้อมูลด้วยการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนและเข้าใจง่ายก่อนปล่อยเช่าแก่ผู้เช่าเกี่ยวกับเรื่องสำคัญอย่างรายละเอียดความรับผิดชอบต่อการชดเชยค่าสินไหมทดแทนความเสียหายและความรับผิดชอบต่อการชดเชยในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงรายละเอียดของประกันและค่าสินไหมทดแทนของทางบริษัท และมาตรการในกรณีที่รถเสีย, เกิดอุบัติเหตุ, การโจรกรรม, มาตรการในกรณีจอดรถอย่างผิดกฎหมาย และมาตรการในกรณีคืนรถล่าช้า เป็นต้น
2. ผู้เช่าต้องพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาของข้อตกลงและเงื่อนไข
บริษัทจะแสดงข้อตกลงและเงื่อนไขให้ผู้เช่าทราบด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้
นอกจากนี้ ผู้เช่าจะได้รับเค้าความของข้อตกลงและเงื่อนไข ในแผ่นพับ, รายการแสดงราคา ฯลฯ ที่ทางบริษัทเป็นผู้ออก ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงก็เช่นเดียวกัน
บริษัทสามารถเปลี่ยนข้อตกลงและเงื่อนไขเหล่านี้ได้ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงและเงื่อนไข บริษัทจะแจ้งให้ทราบถึงเนื้อความการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงและเงื่อนไข เนื้อหาของข้อตกลงและเงื่อนไขหลังการเปลี่ยนแปลง และช่วงเวลาที่มีผลบังคับใช้โดยวิธีที่เหมาะสม เช่น การโพสต์บนเว็บไซต์ของบริษัท
ข้อตกลง การเช่ารถ และการกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยมิได้ตั้งใจจากการเช่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายใต้ข้อตกลงและเงื่อนไขนี้จะอยู่ภายใต้การบังคับและการตีความตามกฎหมายญี่ปุ่น
ในกรณีที่มีข้อขัดแย้งใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิและข้อผูกพันภายใต้ข้อตกลงและเงื่อนไขนี้ ศาลที่มีอำนาจในการตัดสินคือศาลแขวงที่มีเขตอำนาจศาลเหนือที่ตั้งของสำนักงานหลัก สำนักงานสาขา หรือสำนักงานใดๆ ของบริษัท ไม่ว่าจำนวนเงินที่เรียกร้องจะเป็นเท่าใดก็ตาม
ข้อกำหนดนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2022
แก้ไขเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2022